วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การเกษตรกรรมประเทศเมียนมาร์

การเกษตรกรรม


รัฐบาลทหารพม่าพยายามส่งเสริมการเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรให้ได้มากที่สุด ด้วยการสนับสนุนการบุกเบิกและฟื้นฟูที่ดินเพื่อการผลิต ส่งเสริมนักลงทุนเอกชนปลูกยางพารา ส่งเสริมส่งออกข้าว ส่งออกไม้สัก เป็นต้น จากรายงาน EIU(1) ได้วิเคราะห์ผลผลิตเกษตรกรรมส่งออก 4 ลำดับสำคัญของพม่า ได้แก่ ข้าว เมล็ดพืช ไม้เนื้อแข็งและไม้สัก และสินค้าประมง

(1) The Economist Intelligence Unit (EIU), Country Profile 2008.

ข้าว ยังคงเป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งพม่าเคยส่งออกข้าวมากที่สุดถึง 1 ล้านตันต่อปีในช่วงปี 2493-2503 และ 939,200 ตันในช่วงปี 2544-2545 แต่ยอดส่งออกข้าวลดลงเรื่อยมาจนถึง 553,000 ตันต่อปีในช่วงปี 2550-2551 ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้สินค้าเกษตรทั้งข้าว และเมล็ดพืชอื่น ๆ มียอดส่งออกลดลงนั้น นอกจากผลพวงของพายุนาร์กีซแล้ว ยังเป็นผล มาจากเกษตรกรไม่ได้รับการส่งเสริมการเพาะปลูก เช่น ขาดแคลนปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์เพาะปลูกที่ดี รวมทั้งข้อจำกัดการใช้น้ำชลประทานก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน และเพื่อแก้ไขสถานการณ์การส่งออกข้าว รัฐบาลพม่าได้ออกระเบียบเข้มงวดการส่งออกโดยเฉพาะในช่วงราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น

เมล็ดพืช เป็นสินค้าส่งออกสำคัญ โดยเฉพาะในปี 2551 มีมูลค่ารวมมากเป็นอันดับสองของสินค้าส่งออกทุกชนิด โดยส่งไปยังประเทศอินเดียมากที่สุด

ยางพารา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมารัฐบาลทหารพม่าได้ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากภาคเอกชนมากขึ้น และพบว่าในช่วงเวลา 6 ปีนับจากปี 2543 เป็นต้นมา เนื้อที่การเพาะปลูกยางพาราขยายเพิ่มขึ้นเป็น 225,800 เฮกตาร์ และมีผลผลิตถึง 64,200 ตัน ในปี 2548/49

ไม้สักและไม้เนื้อแข็ง เป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับสาม และมีปริมาณบริษัทสัมปทานตัดไม้เพิ่มขึ้น

สินค้าประมง โดยเฉพาะปลาและกุ้งเป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับสี่ เป็นที่ต้องการของประเทศจีนและไทยอย่างมาก อย่างไรก็ตามสินค้าประมงยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นเพียงธุรกิจรายย่อยเท่านั้น นอกจากนั้นในปี 2551 ธุรกิจประมงยังได้รับความเสียหายจากพายุนาร์กีซ โดยเฉพาะแหล่งประมงทางตอนใต้ของพม่า
ที่มา:http://www.boi.go.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น